โรคหลอดเลือดสมอง STROKE
STROKE
โรคหลอดเลือดสมองคืออะไร
โรคหลอดเลือดสมอง (stroke) เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงส่วนของสมองบางส่วนหรือหลายส่วนลดลงหรือถูกขัดขวางอย่างสมบูรณ์ การอุดตันนี้อาจเกิดขึ้นชั่วคราวหรือถาวรและอาจเกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือ
- โรคหลอดเลือดสมองชนิดสมองขาดเลือด (ischaemic stroke) เกิดจากการที่ลิ่มเลือดขัดขวางเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง
- โรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกในสมอง (hemorrhagic stroke) เกิดจากการที่หลอดเลือดแตกและเลือดไหลเข้าสู่สมอง
สมองทุกส่วนนั้นต้องการเลือดไปเลี้ยงในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อทำงานได้อย่างเต็มที่เมื่อการไหลเวียนของเลือดถูกจำกัดหรือหยุดลง สารอาหารที่สำคัญและออกซิเจนจะไม่สามารถเข้าสู่เซลล์ในสมองได้ ซึ่งสมองจะได้รับความเสียหายหรือตายลง ผลที่เกิดกับร่างกายนั้นขึ้นอยู่กับส่วนของสมองที่เสียหาย และระยะเวลาที่เกิดการขัดขวางการไหลเวียนเลือด
โรคหลอดเลือดสมองสามารถส่งผลต่อการเคลื่อนไหว การพูดกระบวนการคิด และความจำ ซึ่งสามารถทำให้เกิดอัมพาตกับส่วนหนึ่งของร่างกายหรือหลายส่วน หรือสูญเสียการควบคุมการทำงานของร่างกายได้
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากโรคหลอดเลือดสมองถึง 40% จะมีอาการถาวรซึ่งทำให้ต้องการ การดูแลเป็นพิเศษนอกจากนี้ ยังพบว่า มีผู้ป่วยหลายคนที่อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อหายจากโรคนี้ แต่มีเพียง 10% ของผู้ป่วยเท่านั้นที่จะหายอย่างสมบูรณ์
โรคหลอดเลือดสมองสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนในทุกช่วงอายุ แต่พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงบางประการที่สำคัญเช่นกัน เช่น โอกาสการเป็นโรคหลอดเลือดสมองจะเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น บางชาติพันธุ์จะมีความเสี่ยงต่อโรคนี้ที่มากกว่าและการมีประวัติการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในครอบครัวจะเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยความเสี่ยงบางอย่างที่เราสามารถลดได้จากการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของเรา เช่น คอยดูแลและรักษาความดันเลือดให้ปกติ กินอาหารสุขภาพที่มีไขมันและเกลือต่ำ หยุดสูบบุหรี่และออกกำลังกายเป็นประจำ
เซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell) จะช่วยรักษาโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างไร
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยฟื้นสภาพจากโรคหลอดเลือดในสมองได้ลำบากเนื่องจากโรคนี้ทำหลายเซลล์ในสมองหลายชนิด นั่นหมายความว่าถ้าเราต้องการพัฒนาการรักษาเพื่อทดแทนเซลล์ที่เสียหายหรือถูกทำลายไป เราจะต้อง
- เรียนรู้การสร้างเซลล์สมองหลายชนิดหรือเซลล์ต้นกำเนิดชนิดที่เหมาะสมในการสร้างเซลล์สมองตามที่เราต้องการ
- แสดงให้เห็นว่าเซลล์ที่เราเลี้ยงนี้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสม
- เข้าใจวิธีการที่จะทำให้เซลล์เหล่านี้จัดการตัวเองในลักษณะเดียวกันกับเซลล์ในสมองที่ปกติ เข้าใจการสร้างการเชื่อมต่อระหว่างแต่ละบริเวณของสมองที่ซับซ้อนขึ้นมาใหม่และการเชื่อมต่อเซลล์กับระบบเลือดที่เลี้ยงสมอง
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยได้ทำการศึกษาวิธีการใช้เซลล์ต้นกำเนิดนี้ในการรักษาโรคหลอดเลือดสมองโดยวิธีการอื่นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การวิจัยเซลล์ต้นกำเนิดนี้อาจใช้เพื่อพัฒนายาชนิดใหม่ที่สามารถกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมตัวเองของสมอง รวมถึงเซลล์ต้นกำเนิดเองเพื่อใช้สร้างเซลล์ใหม่ที่ต้องการสำหรับการฟื้นตัว
เซลล์ต้นกำเนิดชนิดมีเซนไคม์ (Mesenchymal stem cell) และโรคหลอดเลือดสมอง
เซลล์ต้นกำเนิดชนิดมีเซนไคม์ (MSC) เป็นหนึ่งในเซลล์ต้นกำเนิดชนิดที่ใช้ในการวิจัยทางคลินิคเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองบ่อยครั้ง เป็นเซลล์ที่จัดหาได้ง่ายและเจริญจากไขสันหลังของผู้ป่วยได้ และสามารถผลิตไขมัน กระดูกอ่อน และเซลล์กระดูกได้
เราสามารถหาเซลล์ที่ลักษณะเหมือนกับเซลล์ต้นกำเนิดชนิดมีเซนไคม์จากแหล่งอื่นได้ เช่นสายสะดือ (umbilical cord) และเนื้อเยื่อไขมัน (adipose tissue) แม้ว่าลักษณะเฉพาะและธรรมชาติของเซลล์เหล่านี้จะยังคงเป็นที่ถกเถียงในหมู่นักวิทยาศาสตร์
เซลล์ต้นกำเนิดชนิดมีเซนไคม์จากไขสันหลังและเซลล์ที่ได้จากเนื้อเยื่อไขมันได้ถูกนำมาทดลองฉีดเข้าสู่สมองและหลอดเลือดดำบริเวณขาของหนูที่มีอาการบาดเจ็บทางสมองคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง
ในการศึกษานี้สัตว์ที่ได้รับการฉีดเซลล์มีขนาดของพื้นที่สมองที่เสียหายลดลงเมื่อเปรียบเทียบ กับกลุ่มสัตว์ที่ไม่ได้รับการฉีดเซลล์ พบว่าเซลล์ที่ถูกฉีดนี้จะเคลื่อนที่ไปยังบริเวณของสมองที่เสียหายได้
Dotstemcell มุ่งมั่นในการพัฒนามาตรฐานชั้นเลิศสู่การบริการรับฝากเก็บเซลล์ต้นกำเนิด เพื่อตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดสำหรับทุกครอบครัว การเก็บรักษาสเต็มเซลล์ถือเป็นการลงทุนที่ดีให้กับอนาคตและสุขภาพที่ไม่สามารถประเมินค่าได้
ทั้งนี้ เพราะไม่ว่าจะมีการเตรียมตัวในเรื่องสุขภาพที่ดีเพียงใด ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงอาการเจ็บป่วยและความเสื่อมถอยของร่างกายตามอายุการใช้งานได้ เพราะเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น ความเสื่อมของเซลล์หรืออวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายย่อมมีมากขึ้นตามลำดับ
การเก็บรักษาสเต็มเซลล์ในรูปแบบต่างๆ ทำให้บิดามารดาสามารถเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิดอันมีค่าที่เป็นหนึ่งเดียวกับทารกและมีรหัสพันธุกรรมใกล้เคียงกับคนในครอบครัว ไว้สำหรับการรักษาโดยเทคโนโลยีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ต้นกำเนิดในอนาคต เช่นนำไปรักษาโรคหัวใจ หรือโรคอัลไซเมอร์
นอกจากนี้ สเต็มเซลล์ที่ถูกเก็บรักษา ยังเปรียบเสมือนอวัยวะสำรองสำหรับการรักษาโรคมะเร็ง หรือโรคเลือดที่สามารถรักษาให้หายได้โดยใช้สเต็มเซลล์