อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา SPORT INJURIES
SPORT INJURIES
อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬานั้นอาจส่งผลเสียจนทำให้คุณไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่โปรดปรานได้ และการดำเนินการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งแบบดั้งเดิมหรือการเข้ารับการผ่าตัดหรือหัตถการก็ไม่สามารถทำให้คุณเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวได้ทันที
เนื่องจากร่างกายที่บาดเจ็บนั้นต้องการระยะเวลาการฟักพื้นเพื่อฟื้นฟูหลังจากเข้ารับกระบวนการรักษาต่าง ๆ
สำหรับอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬานั้นอาจประกอบไปด้วยภาวะอาการ ดังต่อไปนี้ เช่น กระดูกหักหรือร้าว การเกิดรอยฟกซ้ำขึ้น รวมไปถึงการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นบนข้อต่อต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในลักษณะเคลื่อนหลุดหรือแยกออกจากกัน
เช่นเดียวกันกับการมีภาวะข้ออักเสบหลังจากภยันตรายที่อาจเกิดความผิดปกติขึ้นกับเนื้อเยื่ออ่อนของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือกระดูกอ่อน
อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬานั้นยังรวมไปถึงการเกิดการบาดเจ็บต่อศีรษะซึ่งอาจร้ายแรงจนมีการกระทบกระเทือนถึงสมอง และการบาดเจ็บจากการใช้งานกล้ามเนื้อหนักเกินไป
ระยะเวลาในการฟื้นฟูร่างกายหลังจากเกิดการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬานั้นจะใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างนานและไม่สามารถรับประกันได้ว่าอาการบาดเจ็บดั่งกล่าวจะหายขาดได้ ด้วยการรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
ใครที่เหมาะสมต่อการเข้ารับการรักษาภาวะบาดเจ็บจากกีฬาด้วยวิธีการใช้เซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์บำบัด (Stem Cell Therapy) ?
ผู้ป่วยที่เหมาะสมต่อการใช้การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ในการรักษาอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ได้แก่
- ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาหรือตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ยุคปัจจุบัน
- ผู้ป่วยที่ไม่สามารถทนต่ออาการข้างเคียงจากแผนการรักษาดั้งเดิม
- ผู้ป่วยที่อยากหลีกเลี่ยงแผนการรักษาดั้งเดิมที่ต้องมีการผ่าตัดหรือหัตถการที่จำเป็น
- ผู้ป่วยที่ไม่ได้ผลลัพธ์อันพึงประสงค์จากการเข้ารับการรักษาด้วยวิธีดั้งเดิมต่าง ๆ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้สเต็มเซลล์บำบัดในการรักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬา ได้แก่อะไรบ้าง?
มีรายงานว่าผู้ป่วยที่เลือกใช้การรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิดในการรักษาภาวะการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬานั้นจะเจ็บปวดน้อยลงร่วมกับมีการเคลื่อนไหวที่ดีและยืดหยุ่นมากขึ้น
ทั้งนี้ เนื่องจากการใช้สเต็มเซลล์บำบัดนั้นสามารถลดอาการอักเสบที่เกิดบนข้อต่อต่าง ๆ ได้โดยใช้ระยะเวลาเพียง1-2 วัน โดยจะลดอาการอักเสบต่อเนื่องเป็นระยะยาวนานเวลาถึง 2 ถึง 3 เดือน และเมื่อเวลาผ่านไป อาการบาดเจ็บจะค่อย ๆ ลดลง
สเต็มเซลล์ให้ผลลัพธ์ที่เทียบเคียงกับ PRP (Platelet Rich Plasma) หรือไม่?
ความเชื่อที่ว่าการรักษาด้วยวิธี Platelet Rich Plasma หรือ PRP นั้นให้ผลลัพธ์ได้เทียบเคียงกัน เพราะมีส่วนประกอบของเซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์ (Stem Cells) ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจาก PRP นั้นไม่มีส่วนประกอบของเซลล์ต้นกำเนิด
อย่างไรก็ตาม การใช้วิธี PRP ในการรักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากการเล่นกีฬาก็ถือได้ว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ เพราะว่า PRP นั้นมีสัดส่วนของโปรตีนสูง ซึ่งโปรตีนเป็นปัจจัยที่ช่วยด้านการเจริญเติบโต (Growth Factors) และจัดเป็นสารเคมีธรรมชาติที่ใช้สื่อสารระหว่างเกล็ดเลือดกับระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้มีการทำลายเชื้อโรคและซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนที่สึกหรอ
สำหรับส่วนประกอบของ PRP นั้นประกอบไปด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นจึงทำให้มีโปรตีนที่ใช้เป็นสารเคมีสื่อสารระหว่างเซลล์ในอัตราส่วนที่สูง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า PRP สามารถมีประสิทธิภาพในการนำมาประยุกต์ใช้รักษาแผลเพื่อให้หายได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และยังสามารถใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการปลูกผมหรือหนวดเคราได้
ในอดีต PRP นั้นถูกนำมาใช้ด้านศัลยกรรมความงาม ไม่ว่าจะเป็นยกกระชับใบหน้าเพื่อให้คงความอ่อนเยาว์ หรือใช้ในการปรับแต่งรอยแผลต่าง ๆ รวมไปถึงแผลที่เกิดจากการดูดไขมันแต่อย่างไรก็ตาม Growth Factors ที่อยู่ใน PRP ก็สามารถก่อให้เกิดอาการอักเสบได้
ปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้นนั้นมีความสำคัญด้านการลดเนื้อเยื่อที่สึกหรอ แต่ส่งผลเชิงลบต่อประสิทธิภาพการรักษาภาวะการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาด้วยเช่นกัน
ดังนั้น การรักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬาด้วยเซลล์ต้นกำเนิดที่สกัดมาจากไขมันจะให้ผลลัพธ์จากการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากเซลล์ต้นกำเนิดที่สกัดไขมันมีส่วนประกอบของGrowth Factors และมีคุณลักษณะในการเป็นสารต้านการอักเสบ ซึ่งวิธีรักษานี้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้นเมื่อใช้กับผู้ที่มีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
จึงสรุปได้ว่า การใช้การรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิดในผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บในระยะเวลานาน ๆ นั้นให้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าการใช้ PRP
การใช้เซลล์ต้นกำเนิดในการรักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬา
อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬานั้นสามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ adult stem cells ซึ่งการเล่นกีฬานั้นสามารถจำแนกได้ออกเป็นหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีวิธีการรักษาและผลลัพธ์จากการรักษาที่แตกต่างกันออกไป
เซลล์ต้นกำเนิดที่โตเต็มวัยนั้นจะถูกทดสอบประสิทธิภาพด้านความรวดเร็วที่ใช้ในการรักษาแผล การลดการเกิดแผลเป็นหรือพังผืด และการรักษาส่วนบริเวณที่ไม่สามารถรักษาได้ รวมไปถึงการลดอาการบาดเจ็บ
หัวข้อคำถามที่พบบ่อย
A: การบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬาจำแนกได้หลายประเภท ซึ่งโดยปกติแล้วอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาต่าง ๆ จะเกิดขึ้นกับบริเวณทั่วทั้งร่างกาย เราสามารถจัดกลุ่มอาการบาดจากการเล่นเจ็บกีฬาได้ออกเป็นห้าประเภท ได้แก่
1. การบาดเจ็บที่เกิดกับกระดูก – ได้แก่ กระดูกแตกหรือร้าว และมีรอยฟกซ้ำเกิดขึ้น
2. การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับเนื้อเยื่ออ่อน
- ได้แก่ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นทั้งเส้นเอ็นที่เชื่อมต่อระหว่างกระดูกกับกระดูกและกระดูกกับกล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน รวมไปถึงการเกิดบาดแผลถลอกหรือรอยฟกช้ำ
3. การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับข้อต่อ
- ได้แก่ ข้อต่อเคลื่อนหลุดหรือแยกออกจากกัน
4. การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับศีรษะ
- เช่น การเกิดการกระทบกระเทือน
5. การบาดเจ็บจากการใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป
- การบาดเจ็บในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นกับเนื้อเยื่ออ่อนและข้อต่อต่าง ๆ ที่มีการใช้งานบ่อย ๆ
เซลล์ต้นกำเนิดจะถูกใช้ทดสอบในแต่ละพื้นที่ที่อธิบายในข้างต้นเพื่อพิจารณาว่าเซลล์ต้นกำเนิดนั้นมีประสิทธิภาพในการรักษาและฟื้นฟูส่วนต่าง ๆ หรือไม่ซึ่งรวมไปถึง
- กล้ามเนื้อที่บาดเจ็บ
- กระดูกที่เกิดการแตกหัก
- ข้อต่อที่บาดเจ็บ
- ศีรษะที่เกิดการบาดเจ็บ
- อาการบาดเจ็บที่เกิดบนกล้ามเนื้อจากการใช้งานหนักเกินไป
A: สเต็มเซลล์เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่มีลักษณะพิเศษในร่างกายของเรา โดยเซลล์ต้นกำเนิดนั้นมีคุณสมบัติที่สำคัญสองประการ ได้แก่ เซลล์ต้นกำเนิดสามารถทำสำเนาตัวเองใหม่ และด้วยคุณสมบัตินี้เซลล์ต้นกำเนิดเพียงหนึ่งเซลล์จึงสามารถแตกตัวเองออกมาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
คุณสมบัติอีกประการ คือ คุณสมบัติในการพัฒนากลายเป็นเซลล์ชนิดอื่น เช่น เซลล์ต้นกำเนิดที่สกัดจากเซลล์ไขมันในห้องปฏิบัติ สามารถพัฒนาตัวเองกลายไปเป็นเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนเพื่อสร้างกล้ามเนื้อกระดูกอ่อน หรือกลายไปเป็นเซลล์ประเภทอื่น ๆ อย่างเซลล์ผิวหนังหรือเซลล์กระดูก ในทางทฤษฎีแล้ว
คุณสมบัตินี้สามารถทำให้เซลล์ต้นกำเนิดเกิดการพัฒนาและกลายสภาพไปเป็นเซลล์ประเภทอื่นเพื่อซ่อมแซมได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน
เซลล์ต้นกำเนิดนั้นสามารถสกัดได้จากแหล่งต่าง ๆ เช่น ตัวอ่อน (embryos) เลือดที่ได้จากสายสะดือ (umbilical cord blood) และเซลล์ของผู้ใหญ่ (adult stem cells) สำหรับ adult stemcells นั้นจะสกัดมาจากผู้ใหญ่แต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งเซลล์ต้นกำเนิดที่โตเต็มวัยนั้นจะมีประสิทธิภาพในการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตัวเองกลายเป็นเซลล์ชนิดอื่น ๆ
adult stem cells สามารถสกัดมาได้จาก 2 แหล่งใหญ่ๆ คือได้แก่ เซลล์ไขมัน และไขกระดูก
ส่วนที่สกัดจากแหล่งไขมันจะมีชื่อเรียกว่า adipose-derived adult stem cell ซึ่งจะเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่ง่ายต่อการสกัดและมีจำนวนอุดมสมบรูณ์อย่างมากเมื่อเทียบกับแหล่งชนิดอื่น ๆ
A: การให้การรักษาด้วยสเต็มเซลล์นั้นส่วนใหญ่แล้วจะใช้วิธีส่งสเต็มเซลล์เข้าไปในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บด้วยการปลูกถ่ายโดยการฉีดเข้าเส้นเลือดดำ (intravenous) หรือ IV และจากการดำเนินการทดสอบพบว่าการใช้วิธีดังกล่าวนั้นเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและให้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีมากยิ่งขึ้น
Dotstemcell มุ่งมั่นในการพัฒนามาตรฐานชั้นเลิศสู่การบริการรับฝากเก็บเซลล์ต้นกำเนิด เพื่อตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดสำหรับทุกครอบครัว การเก็บรักษาสเต็มเซลล์ถือเป็นการลงทุนที่ดีให้กับอนาคตและสุขภาพที่ไม่สามารถประเมินค่าได้
ทั้งนี้ เพราะไม่ว่าจะมีการเตรียมตัวในเรื่องสุขภาพที่ดีเพียงใด ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงอาการเจ็บป่วยและความเสื่อมถอยของร่างกายตามอายุการใช้งานได้ เพราะเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น ความเสื่อมของเซลล์หรืออวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายย่อมมีมากขึ้นตามลำดับ
การเก็บรักษาสเต็มเซลล์ในรูปแบบต่างๆ ทำให้บิดามารดาสามารถเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิดอันมีค่าที่เป็นหนึ่งเดียวกับทารกและมีรหัสพันธุกรรมใกล้เคียงกับคนในครอบครัว ไว้สำหรับการรักษาโดยเทคโนโลยีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ต้นกำเนิดในอนาคต เช่นนำไปรักษาโรคหัวใจ หรือโรคอัลไซเมอร์
นอกจากนี้ สเต็มเซลล์ที่ถูกเก็บรักษา ยังเปรียบเสมือนอวัยวะสำรองสำหรับการรักษาโรคมะเร็ง หรือโรคเลือดที่สามารถรักษาให้หายได้โดยใช้สเต็มเซลล์