โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ERECTILE DYSFUNCTION
ERECTILE DYSFUNCTION
โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศคืออะไร
โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile dysfunction) คือการสูญเสียความสามารถในการแข็งตัวของอวัยวะเพศชายให้เพียงพอต่อการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางแห่ง อาจเรียกว่าการตายด้านหรือการไร้สมรรถภาพทางเพศ (impotence)
การหย่อนสมรรถภาพทางเพศเป็นครั้งคราวไม่ใช่เรื่องแปลก ผู้ชายจำนวนมากสามารถประสบปัญหานี้เมื่อเกิดความเครียด
อย่างไรก็ตาม การหย่อนสมรรถภาพทางเพศบ่อยๆ ครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาด้านสุขภาพที่ต้องการการรักษา ซึ่งอาการนี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางด้านอารมณ์และความสัมพันธ์ที่ควรได้รับการแก้ไขจากผู้เชี่ยวชาญ
สาเหตุของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศคืออะไร
ในอดีต โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศถูกเชื่อว่ามีสาเหตุจากด้านจิตใจ แต่ความเชื่อนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ปัจจุบันพบว่ามีสาเหตุหลักมากมายที่ถูกพิจารณาว่าเป็นสาเหตุการเกิดโรคนี้ โดยสาเหตุของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่พบมากที่สุด คือผลกระทบจากโรคเบาหวาน ปัญหาหลังการผ่าตัดต่อมลูกหมาก และคนไข้ที่เจ็บป่วยจากโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง
จากการสำรวจพบว่า ประมาณ 10 % ของผู้ชายทั้งหมด มีปัญหาด้านการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ อาการที่พบนั้นอาจแสดงออกทั้งการไม่แข็งตัวหรือการไม่สามารถรักษาการแข็งตัวไว้ได้นานพอจะมีเพศสัมพันธ์หรือถึงจุดสุดยอดได้ การแข็งตัวขององคชาติเป็นการทำงานของการไหลเวียนเลือดในเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ Corpus cavernosum ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่แข็งตัวได้ (erectile tissue) และจะทำให้องคชาติมีขนาดใหญ่ขึ้น
นอกจากนี้ โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศอาจเป็นผลมาจากการที่เลือดไม่สามารถไปเติมยังส่วนเนื้อเยื่อที่แข็งตัวได้ หรือเกิดความผิดพลาดในการเก็บเลือดในปริมาณที่เพียงพอต่อเนื้อเยื่อที่จะแข็งตัวได้ ซึ่งการรักษาโดยใช้เซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell) สามารถจัดการปัญหาความบกพร่องของกระบวนการแข็งตัวได้ทุกขั้นตอน
การหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งปัจจัยทางด้านอารมณ์และร่างกาย โดยมีสาเหตุหลักดังนี้
- โรคหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular disease)
- โรคเบาหวาน (diabetes)
- โรคความดันโลหิตสูง (hypertension, high blood pressure)
- คอเลสเตอรอลสูง
- โรคอ้วน (obesity)
- ปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนต่ำ หรือฮอร์โมนอื่นๆไม่สมดุล
- โรคไต (kidney disease)
- อายุที่เพิ่มขึ้น
- ความเครียด
- ความวิตกกังวล
- โรคซึมเศร้า
- ปัญหาด้านความสัมพันธ์
- ยาตามใบสั่งบางชนิด เช่นยารักษาอาการความดันโลหิตสูง หรือโรคซึมเศร้า
- การนอนหลับผิดปกติ
- การใช้ยาเสพติด
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
- การใช้ผลิตภัณฑ์จากยาสูบ
- ปัญหาสุขภาพบางประการ เช่นโรคพาร์คินสัน หรือโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (multiple Sclerosis)
- อาการบาดเจ็บบริเวณกระดูกเชิงกรานจากการบาดเจ็บหรือการผ่าตัด
- โรคอวัยวะเพศชายโค้งงอ ( Peyronie’s disease) ซึ่งทำให้เกิดเนื้อเยื่อแผลเป็น (scar tissue) ในองคชาติได้
เซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell) ช่วยในการรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้อย่างไร
การรักษาโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศด้วยเซลล์ต้นกำเนิดนั้นเป็นการใช้ประโยชน์เซลล์ต้นกำเนิดของผู้ป่วยเองและโกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor) เพื่อเพิ่มสมรรถภาพของผู้ชายอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยในการฟื้นฟูเนื้อเยื่อแข็งตัวได้และช่วยพัฒนาการแข็งตัว เพิ่มสมรรถนะทางเพศ และเพิ่มขนาดองคชาติได้อีกด้วย
ซึ่งการรักษาแบบนี้เป็นการทำงานร่วมกันของเซลล์ต้นกำเนิดของผู้ป่วยเอง และโกรทแฟคเตอร์เพื่อให้เกิดผลที่ดีที่สุด
“แหล่งของเซลล์ต้นกำเนิด ที่ใหญ่ที่สุดคือในเนื้อเยื่อไขมัน (adipose tissue)”
นอกจากเซลล์ที่ได้จากเนื้อเยื่อไขมันแล้ว เซลล์ต้นกำเนิดและโกรทแฟคเตอร์ยังสามารถหาได้จากไขกระดูกอีกด้วย โดยกระบวนการทั้งหมดประกอบด้วยขั้นตอน 2 ขั้นตอน
- การเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่ผลิตจากเซลล์ไขมันโดยใช้เครื่องมือดูดไขมันที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อความสะดวกในการแยกเนื้อเยื่อไขมัน
- ทำการเก็บไขกระดูกจากกระดูกเชิงกราน
เมื่อเราทำการสกัดส่วนประกอบทั้งสองอย่างนี้ออกมาและผ่านกระบวนการในห้องปฏิบัติการโดยการปั่นเหวี่ยง กระบวนการขั้นตอนสุดท้ายคือฉีดให้ผู้ป่วยโดยผู้เชี่ยวชาญ การฉีดนี้จะใช้เข็มขนาดเล็ก (micro needle) ฉีดบริเวณที่เฉพาะเจาะจงอย่างชำนาญ
โดยกระบวนการนี้ไม่จำเป็นต้องให้ยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไป จะใช้เพียงยาระงับการเจ็บปวดเฉพาะจุดและยาทำให้ผู้ป่วยสงบลงเล็กน้อยเท่านั้น
Dotstemcell มุ่งมั่นในการพัฒนามาตรฐานชั้นเลิศสู่การบริการรับฝากเก็บเซลล์ต้นกำเนิด เพื่อตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดสำหรับทุกครอบครัว การเก็บรักษาสเต็มเซลล์ถือเป็นการลงทุนที่ดีให้กับอนาคตและสุขภาพที่ไม่สามารถประเมินค่าได้
ทั้งนี้ เพราะไม่ว่าจะมีการเตรียมตัวในเรื่องสุขภาพที่ดีเพียงใด ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงอาการเจ็บป่วยและความเสื่อมถอยของร่างกายตามอายุการใช้งานได้ เพราะเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น ความเสื่อมของเซลล์หรืออวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายย่อมมีมากขึ้นตามลำดับ
การเก็บรักษาสเต็มเซลล์ในรูปแบบต่างๆ ทำให้บิดามารดาสามารถเก็บรักษาเซลล์ต้นกำเนิดอันมีค่าที่เป็นหนึ่งเดียวกับทารกและมีรหัสพันธุกรรมใกล้เคียงกับคนในครอบครัว ไว้สำหรับการรักษาโดยเทคโนโลยีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเซลล์ต้นกำเนิดในอนาคต เช่นนำไปรักษาโรคหัวใจ หรือโรคอัลไซเมอร์
นอกจากนี้ สเต็มเซลล์ที่ถูกเก็บรักษา ยังเปรียบเสมือนอวัยวะสำรองสำหรับการรักษาโรคมะเร็ง หรือโรคเลือดที่สามารถรักษาให้หายได้โดยใช้สเต็มเซลล์